นางสาว มาลินี มะลิวงค์

ประวัติของชีส 

57.jpg

แนวคิด ที่มาและความสำคัญ  

ชีส หรือ เนยแข็ง คือผลิตภัณฑ์ประเภทนม โดยนำเอาส่วนของโปรตีน (ไม่ใช่ส่วนของไขมัน) มาใช้ประโยชน์ ซึ่งความอร่อยของชีสอยู่ที่ความหอม มัน เข้มข้น ความเข้มข้นที่ว่านั้นมาจากการแยกโปรตีนออกจากนม โดยการเติมเอนไซม์เรนนินซึ่งทำให้โปรตีนที่แขวนลอยอยู่ในนมจับตัวกันเป็น ก้อน หรือเรียกว่า “เคิร์ด” และเจ้าเคิร์ดนี้ก็ คือชีสนั่นเอง แต่เป็นชีสสดที่ยังไม่ได้ผ่านการบ่มหรือที่เรียกว่า เฟรชชีส นั่นเอง และถ้านำไปผ่านการบ่มกับเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อรา เติมเครื่องเทศ แต่งรส ก็จะทำให้ได้ชีสที่หลากหลายชนิดขึ้น

56

วัตถุประสงค์  

อยากให้คนที่สนใจในการประกอบอาหารหรือคลั่งไคล้ในการรับประทานชีสหรือเนยแข็งได้รู่ที่มาและข้อมูลเกี่ยวกับชีส เพื่อเป็นการศึกษาในการเลือกชีสในชนิดต่างๆนั่นเอง

กลุ่มเป้าหมาย  

คนที่สนใจในการประกอบอาหารหรือคนที่คลั่งไคล้ในการรับประทานชีสหรืออาจจะเป็นนักเรียน นักศึกษาที่เรียนเกี่ยวกับการทำอาหา่รหรือเรียนคหกรรมต่างๆ

ขั้นตอนในการทำงาน 

ขั้นตอนที่ 1 เลือกชื่อเรื่องของ ประวัติของชีส Cheese Full

ขั้นตอนที่ 2 ศึกษาและรวบรวมข้อมูล ก็คือการศึกษาจากเว็บไซต์ของเรื่องที่เราสนใจหรือแหล่งข้อมูลต่างๆไม่ว่าเป็น ห้องสมุด หรือสัมภาษณ์จากผู้เชียวชาญในด้านนั้นๆที่เรานำมาเป็นหัวข้อในการสร้างเว็บ

ขั้นตอนที่ 3 ออกแบบโครงสร้างเว็บไซต์ Cheese Full

ขั้นตอนที่ 4 สร้างเว็บไซต์ Cheese Full

ขั้นตอนที่ 5 ทดสอบเว็บไซต์ ทำแบบสอบถาม

ผลที่คาดว่าจะได้รับ 

1. นักเรียนหรือนักศึกษาที่ศึกษาเกี่ยวกับการทำอาหารหรือคหกรรมต่างๆจะได้ความรู้จากเว็บไซต์เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในวิชาที่เรียนหรือการประกอบอาหารในชีวิตประจำวัน

2.เชฟหรือพ่อครัว อาจจะนำข้อมูลในเว็บไซต์นี้ไปประยุกต์ใช้ในการทำอาหารให้ผู้คนหรือลูกค้าได้รับประทานได้อย่างถูกวิธีเพราะชีสเป็นนมที่นำมาแปรรูปเพราะชีสสามารถละลายได้ทุกเมื่อเมื่อโดนความร้อน

ที่มาของชีส 

เนยแข็ง หรือ ชีส (อังกฤษ: cheese) คือ ผลิตภัณฑ์จากนมซึ่งสามารถผลิตได้จากนมวัวหรือแพะ เป็นต้น ที่ผ่านกระบวนการคัดแยกโปรตีน แล้วนำโปรตีนของนมมาทำการผสมเชื้อรา หรือแบคทีเรีย หรือสารอื่นๆ แตกต่างกันไปตามแต่ละประเภทของเนยแข็ง ซึ่งแตกต่างจากเนยที่ทำมาจากไขมันของนม

เนยแข็งเป็นอาหารที่มีประวัติศาสตร์ความเป็นมายาวนาน โดยมีปรากฏหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่ชัดเจนที่สุดในคัมภีร์ไบเบิล กลุ่มนักรบทหารโรมันเป็นบุคคลผู้มีบทบาทสำคัญในการเผยแพร่ให้คนทั่วโลกได้รู้จักเนยแข็ง เพราะไม่ว่าจะยกทัพไปที่ใดก็มักจะนำเนยแข็งไปด้วยเสมอและมักจะแบ่งปันเนยแข็งที่มีให้กับคนท้องถิ่นนั้นๆ โบสถ์จัดว่าเป็นสถานที่เก็บรวบรวมข้อมูลความรู้เกี่ยวกับเนยแข็งที่เด่นชัดที่สุดในสมัยกลาง การจำหน่ายเนยแข็งเพื่อหารายได้เข้าโบสถ์ของบาทหลวงในศาสนาคริสต์ส่งผลให้เกิดเนยแข็งแบบดั้งเดิมที่มีเฉพาะในแต่ละท้องถิ่น และในเวลาต่อมาเนยแข็งท้องถิ่นนี้ได้ถูกพัฒนาปรับปรุงรสชาติให้มีความหลากหลาย จนในปัจจุบันมีเนยแข็งมากกว่า 3,000 ชนิด

หลายคนมีความเข้าใจผิดว่าเนยแข็งและเนยเหลวเป็นอาหารประเภทไขมันเช่นเดียวกัน อันที่จริงแล้วเนยแข็งเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้จากโปรตีนในน้ำนมวัว ในขณะที่เนยเหลวเป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้จากไขมันในน้ำนมวัว ดังนั้นเนยแข็งจึงจัดเป็นอาหารจำพวกโปรตีนเหมือนเนื้อสัตว์ และมีคุณค่าทางโภชนาการไม่แพ้น้ำนมวัว เนยแข็งให้สารอาหารจำพวก แคลเซียม โปรตีน ฟอสฟอรัส วิตามินบี 12 สังกะสี และไขมัน แต่ให้น้ำตาลแล็กโทสในปริมาณที่น้อยกว่าในน้ำนม ผู้ที่มีปัญหาในการดื่มนมจึงสามารถหันมารับประทานเนยแข็งแทนเป็นทางออกแทนได้

ชื่อของชีส 

ชีสมีรากศัพท์มาจากคำภาษาละตินว่า caseus รากศัพท์ caseus ในภาษาละตินนี้เป็นรากศัพท์ของคำว่าเนยแข็งในภาษาอื่นๆอีกมากมาย เช่น queso ใน ภาษาสเปน queijo ในภาษาโปรตุเกส keju ในภาษามาเลย์ cacio ในภาษาอิตาลีเป็นต้น caseus มีความเกี่ยวข้องและใกล้เคียงกับคำว่า casein ในปัจจุบัน ศัพท์คำนี้มีความหมายถึง ก้อนโปรตีนที่ได้จากน้ำนมวัวซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญของเนยแข็ง เนยแข็ง หรือ ชีส (Cheese) เป็นสิ่งที่คนไทยมักจะเรียกว่า เนย ด้วยความเข้าใจผิด เพราะเห็นว่ามีลักษณะคล้ายคลึงกัน เป็นผลิตภัณฑ์ที่ได้มาจากนมเหมือนกัน ดังนั้นจึงคิดเข้าใจว่าเป็นอาหารประเภทเดียวกัน ในความเป็นจริงแล้วเนยแข็งไม่ถือว่าเป็นเนย เพราะเนยแข็งเป็นการนำเอาส่วนโปรตีนของนมมาใช้แปรรูป ต่างจากเนยที่นำเอาส่วนของไขมันมาใช้ ดังนั้นในทางโภชนาการเนยและเนยแข็งจึงจัดว่าเป็นอาหารคนละประเภทกัน เนื่องจากในนมมีโปรตีนคุณภาพดีอยู่ในจำนวนมาก ดังนั้นวิธีการแยกเอาโปรตีนออกมาจากนม จึงทำโดยการเติมเอนไซม์เอนไซม์เรนนิน หรือ เรนเนต ที่สกัดได้มาจากกระเพาะสัตว์ และ ไคโมซิน เอนไซม์ที่สกัดได้มาจากแบคทีเรีย เมื่อใส่เอนไซม์เหล่านี้ลงไปในน้ำนมแล้วเอนไซม์จะทำหน้าที่ย่อยโปรตีน ส่งผลให้โปรตีนที่แขวนลอยอยู่ในนม แยกตัวออกมาจับตัวเป็นก้อน เรียกว่า เคิร์ด ก้อนโปรตีนหรือเคิร์ดที่ว่านี้ หากได้มาจากนมสดจะมีไขมันปนอยู่ด้วยส่วนหนึ่ง หากได้มาจากนมขาดมันเนยหรือนมพร่องมันเนย ไขมันที่ติดมาจะมีน้อยลงจนแทบจะเป็นโปรตีนล้วนๆ เมื่อนำก้อนโปรตีนนี้มาบ่มกับแบคทีเรียอีกครั้งก็จะก่อให้เกิดเนยแข็งสารพัดชนิด แล้วแต่กระบวนการบ่ม ดังนั้นเนยแข็งจึงจัดเป็นอาหารจำพวกโปรตีนเหมือนเนื้อสัตว์ 5645

55.jpg

ชนิดของชีส 

เนยแข็งที่ผลิตกันปัจจุบันนี้ มีจำนวนหลากหลาย สามารถแบ่งกันได้เป็นร้อยชนิด ซึ่งมีความหลากหลายทั้งรสชาติ สี และแต่ละชนิดต่างมีลักษณะเฉพาะตัวไม่ซ้ำกัน ตัวอย่างของเนยแข็งชนิดต่างๆ

1.สวิสชีส จะมีลักษณะเด่นคือรูเต็มตัวชีส

2.เชดดาร์ชีส เนยแข็งสีเหลืองหรือสีส้มอ่อน เริ่มต้นผลิตจากหมู่บ้านเชดดาร์ในอังกฤษ

3.บลูชีส มีสีขาวและจะมีจุดสีน้ำเงินหรือสีเขียวของเชื้อราตามเนื้อชีส มีกลิ่นที่รุนแรง

4.เปปเปอร์แจ๊กชีส ชีสที่มีการผสมพริก

5.โปรโวโลน ชีสเริ่มต้นผลิตจากอิตาลี

6.อเมริกันชีส  มีลักษณะคล้ายเชดดาร์ชีสแต่มีรสชาติอ่อนกว่าเชดดาร์

นางสาวมาลินี มะลิวงค์

123ชื่อ นางสาว มาลินี นามสกุล มะลิวงค์

อายุ 16 ปี

วัน/เดือน/ปีเกิด 7 มิถุนายน 2543

แผนการเรียนการสอน : อังกฤษ-จีน

ภูมิลำเนาเดิม ปทุมธานี

ที่อยู่ปัจจุบัน ปทุมธานี

คติประจำใจ : ทำวันนี้ให้ดีที่สุด